การศึกษาสำหรับเด็ก Gifted ในอเมริกา
โดย: แม่อ๋อย
การจัดการศึกษาของเด็กที่มีความสามารถพิเศษในอเมริกา
ต้นไม้ (ลูกชายของแม่อ๋อย) เคยเรียนเตรียมอนุบาลที่เมืองไทย ตอนอายุ 2 ขวบกว่า และมาอเมริกาเมื่อย่างเข้า 3 ขวบ (ขณะนี้ 7 ขวบ 3 เดือน) เข้าเรียนที่ Child Care ซึ่งมีหลักสูตรเตรียมความพร้อมทางวิชาการ และการเข้าสังคม ตลอดจนเปิดโอกาสให้เด็กค้นพบศักยภาพของตนเองผ่านกิจกรรมและโครงการที่ครูจัดให้ตลอดวัน
เริ่มตั้งแต่ตอนเช้า โดยเด็กประมาณ 15 - 20 คนและครู 5 - 6 คน นั่งล้อมวงเล่านิทานเพื่อให้เด็กเล่ากิจกรรมที่ทำในวันก่อนหน้านี้ และครูจะนำการอภิปรายเรื่องต่างๆ อิงวิชาการ เช่น ประโยชน์ของผึ้ง จากนั้นเด็กจะได้เลือกกิจกรรมที่ชอบ ซึ่งแบ่งเป็นศูนย์ๆ ละ 4 - 5 คน จากนั้นจะเป็นกิจกรรมกลางแจ้ง ทัศนศึกษารอบๆ อาคารเรียน ตามด้วยร้องเพลง งานศิลปะ ทานอาหารกลางวัน นอนกลางวัน และกิจกรรมช่วงบ่าย
 ผู้ปกครองสามารถติดตามพัฒนาการของเด็กได้ โดยโรงเรียนเปิดโอกาสให้พูดคุยกับครูได้ทุกวัน โดยจะต้องบอกกับ parent-teacher conference เทอมละ 2 ครั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งผู้ปกครองจะได้พบครูประจำชั้นเป็นการส่วนตัว ครูจะรายงานพัฒนาการของเด็กในทุกๆ ด้าน อย่างละเอียด รวมทั้งปัญหา (ถ้ามี) คล้ายๆ กับการประชุมลับ ผู้ปกครองสามารถถามปัญหา หรือข้อสงสัยใดๆ ก็ได้ การประชุมนี้จะใช้เวลาประมาณ 20 - 30 นาทีค่ะ
สำหรับ ต้นไม้ ครูมักจะรายงานว่าเป็นเด็ก "bright" มาก พัฒนาการทางความคิดไปไกลเกินวัย แม่อ๋อยก็ไม่ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษนัก จนกระทั่งย้ายไปเรียนอนุบาลของโรงเรียนรัฐใกล้บ้าน เมื่ออายุ 5 ขวบครึ่ง และครูประจำชั้นแจ้งว่าต้นไม้ "smart" มากด้านวิชาการและสติปัญญา
เมื่อต้นไม้เรียนอนุบาลได้เพียง 1 เดือน คุณครูแจ้งว่า
ต้นไม้ จบหลักสูตร 1 ปีแล้ว จึงจัดกิจกรรมพิเศษให้ เช่น ให้เขียนหนังสือเป็นเรื่อง พร้อมวาดภาพประกอบ ส่งประกวด talent show ด้านการร้องเพลง ตอนปลายปีอนุบาลคุณครูบอกว่าต้นไม้จะได้ขึ้นเกรด 1 โดยได้เรียนกับครูที่ดีที่สุดในระดับชั้น
พอขึ้นเกรด1 ครูประจำชั้นบอกกับแม่อ๋อยว่าต้นไม้ "really really smart" "He knows everything" แม่อ๋อยมาทราบภายหลังว่า ครูที่สอนเด็กแต่ละห้องจะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเด็กในที่ประชุมเป็นประจำ ครูไม่ได้สอนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องค้นหาความสามารถของเด็ก ซึ่งในห้องเรียนจะจัดบรรยากาศให้กระตุ้นความสนใจของเด็กอย่างหลากหลาย
โดยห้องเรียนจะประดับผนังทุกด้านด้วยรูปภาพหรือโปสเตอร์ที่เด็กจะเรียนรู้ได้โดยอัตโนมัติ มีหนังสือหลากหลาย เรียงความยากง่าย 24 ระดับ มากกว่า 500 เล่ม มีลูกโลก แผนที่โลก สารานุกรมสำหรับเด็กทุกประเภท คอมพิวเตอร์ ปรินเตอร์ พร้อมทั้งห้องน้ำที่สะอาดมากอยู่ในห้องเรียนด้วย
เนื่องจากคุณครูประจำชั้นเกรด 1 ได้รับรายงานจากครูอนุบาลว่า ต้นไม้ มีแนวโน้มเป็นเด็กที่มีความสามารถพิเศษ โดยใช้คำว่า "Gifted" ครูประจำชั้นเกรด 1 จึงรวบรวมเป็นแฟ้มผลงานทั้งหมดของต้นไม้ และรายงานต่ออาจารย์ใหญ่เพื่อขออนุญาตใช้แบบทดสอบอย่างเป็นทางการ 2 ฉบับคือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความถนัดบวกกับเชาวน์ปัญญา ซึ่งจะเป็นการตัดสินว่า ต้นไม้เป็นเด็ก Gifted หรือไม่
ผลอย่างเป็นทางการออกมาว่า ต้นไม้ เป็นเด็ก Gifted ค่ะ ซึ่งผลการทดสอบนี้จะติดตัว ต้นไม้ ไปเรื่อยๆ โรงเรียนจะต้องจัดหลักสูตรให้เป็นพิเศษในทุกระดับชั้น แม้ว่า ต้นไม้ จะย้ายโรงเรียน เพราะการเรียนการสอนในอเมริกายึดเด็กเป็นศูนย์กลาง และเขตการศึกษาของโรงเรียนที่ ต้นไม้ เรียน มีนโยบายให้เด็กเรียนตามความสามารถ
ห้องเรียนจะมีเด็กประมาณ 25 คน เวลาทำกิจกรรมจะแบ่งเป็น 6 กลุ่ม ทำงานหรือทำกิจกรรมยากง่ายลดหลั่นกันไปตามความสามารถ โดยจะมีครูดูแลอย่างทั่วถึง การสอบก็เช่นกัน เด็ก Gifted จะทำข้อสอบต่างจากเพื่อนในชั้น โดยใช้ข้อสอบในระดับชั้นที่สูงขึ้นไป ต้นไม้ เลยต้องสอบข้อสอบเกรด 2 ทั้งที่เรียนเกรด 1 ค่ะ
จากการพูดคุยกับครู ทราบว่าครูที่รับผิดชอบเด็ก Gifted ต้องเตรียมหลักสูตรเฉพาะสำหรับเด็กกลุ่มนี้ โดยเกณฑ์คร่าวๆ คือ ให้เด็ก Gifted เรียนเนื้อหาในหลักสูตรปกติให้จบในระยะเวลาสั้นๆ ครูต้องมีการทดสอบตลอดเวลา เพื่อไม่ต้องสอนในสิ่งที่เด็กรู้อยู่แล้ว
มิฉะนั้นเด็กจะเบื่อ หลักสูตร เนื้อหา กิจกรรมจะต้องกระตุ้นและท้าทายให้เด็กได้ต่อยอดความรู้ที่มี ผ่านกระบวนการคิด วิเคราะห์ทั้งในและนอกห้องเรียน โดยจะมีบางเวลาที่เด็กกลุ่มนี้จะแยกไปเรียนกับครูผู้เชี่ยวชาญด้าน Gifted โดยเฉพาะ
จะเห็นได้ว่าเด็ก Gifted ต้องเรียนกับครูทุกคนเช่นเดียวกับเพื่อนๆ เป็นพื้นฐาน แต่เพิ่มประสบการณ์การเรียนกับครูบรรณารักษ์หรือเทคโนโลยี เพื่อฝึกการค้นคว้าหาข้อมูลใหม่ๆ รู้จัก "Learn how to learn" ตลอดจนฝึกทำงานร่วมกับผู้ใหญ่ ให้เด็กรู้สึกว่าผู้ใหญ่ให้ความสำคัญ และยอมรับความสามารถพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์นี้
จุดเด่นที่น่าสนใจอีกอย่างคือ การที่ครูทำงานกับเด็ก Gifted มีใจเปิดกว้าง เคารพความคิดเด็ก การตัดสินว่าเด็กทำถูกหรือผิดขึ้นอยู่กับเหตุผลของเด็กด้วย เช่น ครูให้นักเรียนวาดรูปคนเพื่อแปะแสดงบนหน้าต่าง โดยหันด้านหน้าของรูปเข้าห้องเรียน ในขณะที่เด็กทุกคนวาดและระบายสีด้านเดียว ต้นไม้วาด 2 ด้าน โดยให้เหตุผลว่าควรให้คนที่อยู่ในห้องเรียนและผู้ที่เดินผ่านด้านนอกเห็นภาพด้วย
นั่นแสดงให้เห็นว่าโรงเรียนและเขตพื้นที่การศึกษาส่วนใหญ่ในอเมริกาให้ความสำคัญกับการศึกษา ภายใต้นโยบายว่า เด็กทุกคนควรได้รับการศึกษาที่เท่าเทียมกัน ตลอดจนส่งเสริมความสามารถที่ตรงกับศักยภาพของเด็ก
อย่างไรก็ตามประเด็นใหม่ที่หลายฝ่ายในอเมริกากำลังพูดถึงก็คือกฎหมายใหม่ที่มุ่งลดช่องว่างระหว่างเด็กกลุ่มล่าง (เช่น เด็กที่มีความบกพร่องด้านต่างๆ เด็กที่มาจากครอบครัวรายได้น้อย หรือผู้อพยพ) กับเด็กทั่วไป ซึ่งหลายฝ่ายเกรงว่าครูและนักการศึกษาจะให้ความสนใจลดช่องว่างนี้จนลืมนึกถึงเด็กที่มีความสามารถพิเศษหรือมีปัญญาเลิศ
สำหรับเรื่องนี้ครูประจำชั้นของ ต้นไม้ ซึ่งเป็นผู้ประสานงานด้านเด็ก Gifted ของโรงเรียนบอกแม่อ๋อยว่าเด็ก Gifted เป็นเด็กน่าสงสารถ้าทุกฝ่ายไม่ทุ่มเท สนับสนุนด้านบุคลากร และงบประมาณอย่างต่อเนื่องจริงจัง เด็กกลุ่มนี้จะเหมือนถูกทอดทิ้ง คุณครูเห็นว่าจะยุติธรรมหรือ ถ้าบังเอิญ ต้นไม้ ไม่ได้รับการสนับสนุนให้ได้ใช้และพัฒนาความสามารถพิเศษเท่าที่ศักยภาพเปิดทางอยู่แล้ว?
เรื่องกฎหมายใหม่นี้ กำลังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ค่ะ ถ้าผลออกมาเป็นอย่างไร แม่อ๋อยจะนำมาเล่าให้ฟังกันอีกค่ะ
คุณสมบัติเด่นของเด็ก GIFTED วัย 2-5 ขวบ
1. ใช้ศัพท์หรือคำพูดสูงเกินวัย
2. อธิบายคำพูดเมื่ออยู่ในสถานการณ์ใหม่ได้ โดยไม่ต้องสอนและประมวลความคิดเอง
3. สนใจและแยกแยะรูปทรงต่างๆ ได้
4. ชอบต่อ puzzle หรือ jigsaw
5. มีอารมณ์ขัน
6. เข้าใจนามธรรม เช่น ความตาย ความดี เวลา
7. เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้เร็วๆ หลังฝึกเพียง 2-3 ครั้ง
8. มีทักษะการเคลื่อนไหวร่างกายส่วนต่างๆ ได้ดี
9. สนใจอ่านหนังสือ
จาก: |
 |
|