ReadyPlanet.com


ช่วยลูกเข้าสังคมอย่างมีความสุข
avatar
Admin



 โดย กองบรรณาธิการนิตยสาร kids and school
           คุณเป็นหนึ่งในพ่อแม่ที่กำลังปวดหัวเพราะคุณครูมาฟ้องว่าลูกชอบคุยจ้อ ชอบแสดงออกเกินเหตุ(เว่อร์) อยู่หรือเปล่าคะ หรืออีกทางหนึ่งลูกชอบเก็บตัว ไม่พูดไม่จากับใคร ครูถามก็ไม่ตอบ จะพูดจะจาทีกลัวดอกพิกุลจะร่วง ให้ออกไปแสดงหน้าห้องยิ่งยากใหญ่ คุณครูบอกว่าเจ้าหญิงองค์น้อยชอบที่จะนั่งดูหนังสือเงียบๆ คนเดียวเสียมากกว่า

           แหม! เรื่องแบบนี้ถ้ามองในมุมมองหนึ่งแล้ว คงพอจะเข้าใจกันได้ใช่ไหมล่ะคะว่าพื้นฐานนิสัยของเด็กแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน จะให้ใครเหมือนใครนั้นคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อย่างเด็กบางคนอาจชอบแสดงออก ชอบเข้าสังคม ชอบคุยมากหน่อย เรื่องการหาเพื่อนใหม่ๆ จึงไม่ใช่เรื่องยากในความคิดของเขา ส่วนเด็กอีกประเภทหนึ่งกลับชอบที่จะอยู่คนเดียวเงียบๆ เสียมากกว่า โดยมีเพื่อนที่รู้ใจที่อาจจะเป็นเพียงหนังสือดีๆ สักเล่มหรือเพลงเพราะๆ สักเพลงสองเพลงซึ่งไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยกับใครเขาเลย

          เรื่องของความต่างทางด้านพื้นฐานนิสัยอาจเป็นเรื่องที่พอจะรับกันได้ จริงไหมคะแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้ว บางครั้งเด็กที่ชอบแสดงออกบางคนอาจชอบพูดจาคุยโตโอ้อวด หรือทำตัวเป็นจุดสนใจของเพื่อนๆ จนลืมนึกถึงหัวจิตหัวใจของผู้อื่นก็มีนะคะ หรือเด็กที่เก็บตัวเงียบบางคนอาจจะเงียบเสียจนขาดการสื่อสารกับคุณครูหรือเพื่อนๆ ปรับตัวเข้ากับคนอื่นยากจนไม่มีความสุขกับการไปโรงเรียน หรือแม้แต่ที่บ้านบางทีตัวคุณพ่อคุณแม่เองต้องช่วยกันนั่งเดาว่าตอนนี้ลูกรู้สึกอย่างไรกันแน่

           และถ้าถึงขั้นนี้แล้วคุณพ่อคุณแม่คงจำเป็นต้องยื่นมือเข้ามาฝึกลูกทั้งสองประเภทให้ปรับตัวเข้าสังคมได้อย่างราบรื่นและมีความสุขมากขึ้นแล้วล่ะค่ะ แต่ก่อนอื่นเราลองมาดูกันหน่อยดีไหมคะว่า ลักษณะโดยรวมของเด็กชอบเก็บตัวและชอบแสดงออกนั้นเป็นอย่างไร

            ลูกชอบเก็บตัว

            อาจมีใครบางคนคิดว่าเด็กชอบเก็บตัวอาจเป็นเด็กเก็บกด หรือเด็กมีปัญหา ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเด็กที่ชอบอยู่คนเดียวบางครั้งอาจมีเหตุผลแค่เพียงเพราะว่า...

           ขี้อาย เด็กเก็บตัวบางคนไม่ชอบการพบปะผู้คนมากๆค่ะ เพราะรู้สึกว่าตัวเองจะตัวลีบเล็กลงไปในท่ามกลางหมู่ชน ยิ่งคนไหนไม่มีความเชื่อมั่นบวกเพิ่มเข้าไปแล้ว การพบปะกับผู้คนมากๆ อาจทำให้เขารู้สึกประหม่า ตื่นเต้น อยากหนีออกไปจากภาวะนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ค่ะ

          ฉลาดเกิน เด็กบางคนมีภาวะการเรียนรู้ที่เร็วและไวกว่าเด็กคนอื่นๆ บ่อยครั้งการพูดการจาอาจล้ำหน้าเกินกว่าอายุและเกินกว่าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันจะเข้าใจ ความรู้สึกแปลกแยกหรือคิดแยกตัวออกมาอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเองเพื่อความสบายใจก็มีอยู่ให้เห็นออกบ่อยนะคะ

            สนใจต่างกัน บางครั้งความสนใจของเด็กชอบเก็บตัวอาจต่างกับความสนใจของเพื่อนๆ เสียจนจูนกันไม่ติด เรื่องของกีฬา คนที่ชื่นชอบ ไปจนถึงวิถีชีวิตประจำวันที่แตกต่างกัน อาจทำให้เด็กๆ มีเรื่องคุยกันเพียงไม่กี่เรื่อง และเมื่อเวลาผ่านไปเด็กคนที่มีความสนใจแตกต่างอาจรู้สึกอยากอยู่คนเดียว เพื่อที่จะได้สนใจเรื่องที่ตัวเองชื่นชอบอยู่เพียงลำพังคนเดียวอย่างมีความสุข โดยไม่ต้องพะวักพะวนว่าเพื่อนๆ จะรู้สึกอย่างไร

          มีพฤติกรรมที่เพื่อนไม่ยอมรับ เด็กบางคนอาจไม่ได้รู้สึกอยากอยู่คนเดียวหรอกค่ะ แต่เพื่อนๆ ไม่มีใครยอมเล่นด้วย เพราะมีพฤติกรรมไม่น่ารักเช่น ชอบล้อเลียนเพื่อนๆ หรือรังแกคนอื่น ถ้าไม่ได้ดั่งใจจะชอบตะคอกเสียงดัง หรือโมโหขว้างปาข้าวของใส่เพื่อนๆ งานนี้ถึงแม้ไม่ชอบอยู่คนเดียว แต่ก็ต้องจำใจอยู่ค่ะเพราะเพื่อนๆ ไม่อยากเล่นด้วย

           เหตุผลส่วนตัว บางครั้งเหตุผลของการปลีกตัวออกมาอยู่คนเดียวก็มีที่มาที่ไปด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อยนะคะ คือเด็กอาจกังวลเรื่องรูปร่างหรือภาพลักษณ์ของตัวเองมากจนเกินไป อย่างบางคนฟันเพิ่งหลอไปหมาดๆ จะพูดจะจาอะไรทีกลัวโดนเพื่อนฝูงล้อ งานนี้เลยขอปลีกตัวไปอยู่คนเดียวเงียบๆ ดีกว่า หรือบางคนยิ่งกินยิ่งอ้วน ยิ่งน้ำหนักขึ้นเลยกลัวว่าจะถูกเพื่อนๆ ล้อเลียน เลยคิดจะแปลงกลายเป็นฤาษีเก็บตนขึ้นมาชั่วคราวค่ะ

            พูดหน่อยดีไหมจ๊ะ

            ลักษณะนิสัยโดยรวมๆ ของเด็กที่ชอบเก็บตัวอาจจะพ่วงมากับการพูดน้อยก็ได้นะคะ เพราะบางครั้งมัวแต่ให้ความสนใจกับสิ่งที่ตัวเองกำลังสนใจมากกว่า โดยละเลยความคิดความรู้สึกของผู้คนที่อยู่รายล้อม หรือบางคนขี้อายเกินกว่าจะเริ่มต้นบทสนทนาใหม่ๆ หรือความสนใจต่างกับเพื่อนจึงไม่รู้จะพูดคุยอะไร เราพอมีวิธีให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยปรับแก้ไขลูกชอบเก็บตัวดังนี้ค่ะ

          * ให้โอกาสลูกระบายความในใจ ลูกที่ขี้อายมากๆ บางครั้งอาจจะชอบเก็บตัวมากเสียจนไม่มีเพื่อนที่สนิทที่พอจะระบายทุกข์สุขอยู่ในโรงเรียนเลยสักคน การเปิดโอกาสให้ลูกได้ระบายความรู้สึกนึกคิดออกมา โดยคุณพ่อคุณแม่คอยถามไถ่ลูกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในแต่ละวันจะช่วยฝึกฝนให้ลูกได้พูด ได้ระบายในสิ่งที่เขาอยากระบาย และเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้ลูกด้วยว่าสิ่งที่เขาคิดเขาพูดไม่ไร้สาระ ยังมีคนที่เข้าใจและยินดีรับฟังเขา

          * ให้กำลังใจ เด็กชอบเก็บตัวบางคนอาจมีที่มาจากการเป็นเด็กที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง รู้สึกไม่มั่นคง ขี้อาย ขี้กลัว และขี้กังวล เวลาพบเพื่อนใหม่จะรู้สึกขลาดๆกลัวๆ กล้าๆ ไม่มั่นใจว่าเพื่อนใหม่จะชอบตัวเองหรือไม่ การปลีกตัวไปอยู่คนเดียวจึงเป็นเรื่องที่ปลอดภัยที่สุดในความคิดของเขา เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดคุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นให้กำลังใจลูกรักอยู่เสมอๆ นะคะ ไม่ว่าเรื่องเล็กน้อยเพียงใด แต่ในขณะเดียวกันอย่าผลักดันลูกให้ออกไปสู่สังคมมากเกินไป ใจเย็นๆ ให้ลูกค่อยๆ ออกไปสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่นด้วยตัวของเขาเองดีกว่า เพียงคุณคอยให้ความมั่นใจกับลูกก็พอค่ะ

          * ให้ความชื่นชม การแสดงความชื่นชมลูกทั้งต่อหน้าและลับหลังจะกระตุ้นลูกให้อยากปรับตัว ปรับบุคลิกภาพ เพราะลูกจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่รักเป็นที่ต้องการของพ่อแม่ จึงอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองไปสู่จุดที่คุณพ่อคุณแม่ต้องการได้ค่ะ เคยมีตัวอย่างคุณพ่อคุณแม่คู่หนึ่งนะคะที่หมั่นพูดคุยกับเพื่อนบ้านว่า แม้ลูกสาวจะเป็นเด็กขี้อายไม่ค่อยพูดจากับใคร แต่เขาก็เริ่มพูดเก่งมากขึ้นแล้วตั้งแต่ไปโรงเรียน ลูกสาวได้ยินแค่นั้น ก็พยายามพูดคุยกับใครๆให้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน แม้จะไม่มากเหมือนลูกของคนข้างบ้าน แต่นับว่ามีพัฒนาการการเข้าสังคมที่ดีขึ้นค่ะ

          * ให้เข้าร่วมกิจกรรม ถ้าลูกเก็บตัวจนไม่มีเพื่อนสนิทเลย คุณพ่อคุณแม่คงต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ด้วยการหมั่นพาลูกไปร่วมกิจกรรมกับเด็กอื่นบ้าง อาจจะเป็นลูกของเพื่อนหรือลูกของพี่ป้าน้าอา หรือเชิญชวนเพื่อนร่วมชั้นมางานวันเกิดของลูก จะช่วยลูกให้ค่อยๆ ทำความรู้จักและทำความคุ้นเคยจนถึงกับเป็นเพื่อนกับคนอื่นได้

            ลูกเว่อร์ไปไหม

            เด็กบางคนอาจมีพื้นฐานนิสัยเป็นคนร่าเริง รักสนุก พูดเก่ง เข้ากับใครได้ง่าย ใครๆ ก็อดหลงรักไม่ได้เพราะความช่างพูดช่างเจรจา แต่ถ้าลูกมีลักษณะชอบแสดงออกมากเกินกว่าเหตุหรือที่เรียกว่าเว่อร์ จนกลายเป็นการโอ้อวด เรียกความสนใจ อยากเด่นอยากดังไป เมื่อนั้นอากัปกิริยาช่างพูดช่างคุยที่น่ารักอาจกลายเป็นน่าชังในสายตาคนในสังคมก็ได้นะคะ เพราะเด็กที่ชอบแสดงออกมากเกินไปมักจะผูกขาดเวทีการแสดงออกเป็นของตัวเองแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่ให้โอกาสคนอื่นได้แสดงออก พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นบ้าง จนดูเหมือนไม่ใส่ใจผู้อื่นเพราะคิดว่าตัวเองสำคัญที่สุด เก่งที่สุด ดีที่สุด ต่อให้มีมนุษย์สัมพันธ์ดีเยี่ยมแค่ไหน ก็คงไม่มีใครชอบล่ะค่ะ เด็กที่ชอบแสดงออกส่วนใหญ่มักจะมีความมั่นใจในตัวเองเกินร้อยเพราะได้รับคำชมอยู่เนืองๆ ทำให้กลายเป็นคนไม่ชอบรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น หรือเห็นอกเห็นใจผู้อื่น จนไม่เป็นที่ยอมรับของคนหมู่มากได้ค่ะ

             ฟังคนอื่นนิดดีไหมเอ่ย

           * ฝึกให้ฟังคนอื่นบ้าง เด็กช่างพูดช่างคุยมักจะรู้ตัวว่าสามารถเป็นจุดสนใจของใครๆ ได้ ยิ่งเรียกร้องความสนใจได้มากเท่าไหร่เขาจะยิ่งรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองได้มากขึ้นเท่านั้น บางครั้งอาจนึกเลยไปว่าตัวเองนั้นเก่ง ฉลาดกว่าคนอื่น อาจพัฒนาไปสู่การเป็นคนไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นต่อไปได้ คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกให้ลูกรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นให้มากขึ้นกว่าเดิม สอนลูกให้รู้จักเปิดโอกาสให้คนอื่นพูดหรือแสดงความคิดเห็นบ้าง

        * ฝึกให้อดทน เห็นอกเห็นใจผู้อื่น เด็กชอบแสดงออกอาจมีเสน่ห์เสียจนได้รับความสนใจ ได้รับโอกาสมากกว่าเด็กอื่น ซึ่งอาจกลายเป็นดาบสองคมที่หันมาทำร้ายลูกรักของคุณได้นะคะ เพราะลูกจะขาดทักษะในเรื่องของการอดทน รอคอย การเห็นอกเห็นใจผู้อื่น คุณพ่อคุณแม่ต้องสร้างเสริมเรื่องนี้ให้กับลูก ให้ลูกรู้จักเสียสละให้คนอื่นบ้าง ไม่แสดงความชื่นชมลูกมากเกินไปหรือทับถมคนอื่น และสอนลูกให้มองถึงข้อดีของคนอื่นด้วยค่ะ

          * เสริมทักษะสังคมด้วยกิจกรรมสร้างสรรค์ เด็กชอบสังคมบางคนอาจมีนิสัยชอบโอ้อวดอยู่ลึกๆ นะคะ คุณพ่อคุณแม่อาจหากิจกรรมที่ทำให้ลูกได้แสดงบทบาทร่วมกับคนอื่น ให้ลูกได้ร่วมทำงานเป็นทีมกับเด็กอื่น มีกิจกรรมที่ต้องมีการช่วยเหลือร่วมมือกัน แบ่งหรือผลัดบทบาทกันทำ ซึ่งจะฝึกทักษะทางสังคมของลูกไปในทางสร้างสรรค์มากขึ้น

          แม้ว่านักวิชาการจะบอกว่าลักษณะนิสัยเก็บตัวหรือชอบแสดงออกอาจจะเป็นลักษณะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม เกิดมาลูกก็มีพื้นฐานนิสัยอย่างนี้เสียแล้ว แต่รับรองว่าแก้ไขได้ค่ะ ด้วยความช่วยเหลือของคุณพ่อคุณแม่ดังข้างต้น ลูกก็จะมีความสุขกับการอยู่ร่วมกับคนอื่นมากขึ้นค่ะ

 ข้อมูลจาก : นิตยสาร   ฉบับที่ 22 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2544



ผู้ตั้งกระทู้ Admin :: วันที่ลงประกาศ 2008-12-10 09:59:54 IP : 124.120.109.46


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2096272)
avatar
คนโรคจิต
หลอครับ
ผู้แสดงความคิดเห็น คนโรคจิต วันที่ตอบ 2010-08-16 16:23:55 IP : 112.142.152.6


ความคิดเห็นที่ 2 (2096293)
avatar
คนไม่เ็ต็ม+เอ๋อ+ปัญญาอ่อน
อย่ามองว่าเก็เก็บตัวเป็นเด็กมีปัญหาสิ ถ้ามาอ่านอะต้องอ่านให้จบนะ จะชี้แจงให้นะ ฟังคนอื่นนิดดีไหมเอ่ย ----- ก็ฟังนะแต่ทำไมเขาไม่ฟังเหตุผลเราเลย พวกชาล้นแก้ว * ฝึกให้ฟังคนอื่นบ้าง เด็กช่างพูดช่างคุยมักจะรู้ตัวว่าสามารถเป็นจุดสนใจของใครๆ ได้ ยิ่งเรียกร้องความสนใจได้มากเท่าไหร่เขาจะยิ่งรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองได้ มากขึ้นเท่านั้น บางครั้งอาจนึกเลยไปว่าตัวเองนั้นเก่ง ฉลาดกว่าคนอื่น อาจพัฒนาไปสู่การเป็นคนไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นต่อไปได้ คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกให้ลูกรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นให้มากขึ้นกว่าเดิม สอนลูกให้รู้จักเปิดโอกาสให้คนอื่นพูดหรือแสดงความคิดเห็นบ้าง+++++++++++++++++++++++++++++++++เคยเจอไหมพวกที่พูดอย่างเดียวไม่ฟังใครและก็พูดนาน45นาที่โดยไม่หยุดโดยที่เราเป็นคนผิดและไม่ได้ทำแต่ก็ยอมมา45นาที่ถึงชั่วโมง จะรู้สึกไร้ค่ามากถ้าอยู่กันมากกว่า5คนแล้วเราผิดโดยที่ไม่ได้ทำแล้วเถียงก็ไม่ได้ โดนสววมเขาและก็ไม่มีใครเข้าใจเราซักคนด้วยซ้ำ นี้เป็นเหตุผลที่ไม่อยากฟังใครพูด * ฝึกให้อดทน เห็นอกเห็นใจผู้อื่น เด็กชอบแสดงออกอาจมีเสน่ห์เสียจนได้รับความสนใจ ได้รับโอกาสมากกว่าเด็กอื่น ซึ่งอาจกลายเป็นดาบสองคมที่หันมาทำร้ายลูกรักของคุณได้นะคะ เพราะลูกจะขาดทักษะในเรื่องของการอดทน รอคอย การเห็นอกเห็นใจผู้อื่น คุณพ่อคุณแม่ต้องสร้างเสริมเรื่องนี้ให้กับลูก ให้ลูกรู้จักเสียสละให้คนอื่นบ้าง ไม่แสดงความชื่นชมลูกมากเกินไปหรือทับถมคนอื่น และสอนลูกให้มองถึงข้อดีของคนอื่นด้วยค่ะ ++++++++++++++++++++++++++++ไอ้เรื่องอดทนนะผมอดทนฟังได้ดี ชอบช่วยเหลือเห็นใจผู้อื่นและไม่ชอบทับทมคนแต่ทำไม่เวลาอยู่ดีๆต้องมีคนมาทับถมด้วยไม่เข้าใจ เวลาทำดีก็ไม่ได้รับคำชมอยู่แล้วรู้ว่าแอปไปดีใจ แต่เวลาผิดแค่นิดเดียวกะเอาตายเลยแค่ของใช้ไม่กี่บาทแตกหัก --ถ้าต้องทนกับคนแบบนี้นะไม่ขอทน * เสริมทักษะสังคมด้วยกิจกรรมสร้างสรรค์ เด็กชอบสังคมบางคนอาจมีนิสัยชอบโอ้อวดอยู่ลึกๆ นะคะ คุณพ่อคุณแม่อาจหากิจกรรมที่ทำให้ลูกได้แสดงบทบาทร่วมกับคนอื่น ให้ลูกได้ร่วมทำงานเป็นทีมกับเด็กอื่น มีกิจกรรมที่ต้องมีการช่วยเหลือร่วมมือกัน แบ่งหรือผลัดบทบาทกันทำ ซึ่งจะฝึกทักษะทางสังคมของลูกไปในทางสร้างสรรค์มากขึ้น+++++++++++กิจกรรมในที่ต่างๆนั้นแหละพ่อแม่เขาไม่สอนให้ลูกได้ทำได้รู้ด้วยซ้ำ ลูกอยากทำก็ไม่ให้ทำ เช่นตกปลาก็บอกว่าอย่ามายุงพ่อแม่น่าจะสอนเรื่องที่น่าสอนนะซึ่งลูกก็ไร้ค่าและอยากแวกแนวไปทำนอกเหนือสังคม เมื่ออยู่ในสังคมไร้ค่าก็ไม่อยากเข้าสังคม โดยเฉพาะสังคมห้องเรียนเด็กบางคนไม่มีกลุ่มเพื่อนไม่ให้เข้ากลุ่มทำคนเดียวก็ได้ ผลงานออกมาดีแต่คะแนนน้อยกว่ากลุ่มและบางกลุ่มก็ลอกกันด้วยเก่งจัง คุณครูเข้าคิดได้ไงนะ แต่ก็รู้มาว่าคุณครูเอาไปชั่งกิโลขายแต่เอาของผมมาดู งงมาก เมื่อเข้ากลุ่มแล้วไม่ดีไม่เข้ามันก็ได้สู้ด้วยตัวของตัวเองก็ได้ แม้ว่านักวิชาการจะบอกว่าลักษณะนิสัยเก็บตัวหรือชอบแสดงออกอาจจะเป็นลักษณะ ที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม เกิดมาลูกก็มีพื้นฐานนิสัยอย่างนี้เสียแล้ว แต่รับรองว่าแก้ไขได้ค่ะ ด้วยความช่วยเหลือของคุณพ่อคุณแม่ดังข้างต้น ลูกก็จะมีความสุขกับการอยู่ร่วมกับคนอื่นมากขึ้นค่ะ +++++++++++++++++++อันนี้นะใหญ่สุดแก้ไม่ได้แล้วมันอยู่ที่ตัวของตัวเองไม่สามารถแยกได้นะอยู่ที่สังคมต่างหากสังคมไม่ดี คนดีก็ไม่อยากเข้า ไม่ได้ถ่ายทอดทางพันธุกรรมนะครับ คุณไม่ได้เกิดบนทุงนานะคุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในนามีอะไรมากกว่าต้นข้าวและเกรียน ถามว่าตัวชี้วัดคืออะำไรละนักวิชาการหลอนักวิชาการบางคนกว่าจะจบก็ลอกกันมานะ ที่มาไม่ได้มานี้ไม่ได้มาป่วนะ คนคนเดียวก็ไม่ได้มีด้านเดียวมีหลายด้านนะครับ ในชีวิตผมไม่มีเพื่อนซักคนเลยหละขอไม่มีละดีที่สุดถามว่าเพราะอะไร ใครมีเพื่อนที่ไม่นินทากันข้างหลังบ้างนะ คงไม่ใครเทียงตรงดังพระพุทรเจ้าหลอก ขนาดเลี้ยงข้าวนคนคนยังไม่จำเลย วันวันผมไม่ไปไหนอยู่คนเดียว มีความสุข ก็เข้าใจว่าต้องแก่แต่ยังไม่ถึงเวลานี้ มันคงไม่ผิดนะอยู่คนเดียว ไม่สุงสิงกับใคร ไม่เป็นภาระใคร ไม่นินทาใคร ไม่เดือดร้อนใคร ใครก็อย่ามาว่านะ ยังไม่จบนะจะรอดูจอกันต่อไป
ผู้แสดงความคิดเห็น คนไม่เ็ต็ม+เอ๋อ+ปัญญาอ่อน วันที่ตอบ 2010-08-16 17:33:26 IP : 112.142.152.6


ความคิดเห็นที่ 3 (2106405)
avatar
colorfully

revlon wigs long hair wigs Use a gentle brush to style your wig wigs change It is amazing how much having a wigs hair pieces pink hair extensions.

ผู้แสดงความคิดเห็น colorfully (twelve-at-mail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-09-10 17:58:51 IP : 125.126.157.28



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล *
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.